พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
แพะเศรษฐี หลวงพ...
แพะเศรษฐี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ยุคต้น
แพะเศรษฐี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ยุคต้น

แกะโดยคุณลุงพลับ ประดิษฐ์ศิริผล การแกะแพะของลุงพลับนั้นเซียนพระเครื่องรุ่นพ่อได้ถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานสู่เซียนพระเครื่องรุ่นหลังไว้ว่า ท่านจะใช้วิธีตัดเขาควาย หรืองาช้าง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อนทุกครั้ง ดังนั้นแพะที่แกะโดยคุณลุงพลับนั้นจะมีความกว้าง ความยาวเท่ากันเสมอ เพราะแกะจากสี่เหลี่ยมจตุรัส และการแกะจะต้องแกะได้สัดส่วนลงตัว ดูสมส่วน สง่างาม เขาและหางชี้ขึ้น ผิวถ้าส่องดู จะแห้งจัด เห็นรอยขรุขะ รอยเสี้ยน และที่ขาดเสียไม่ได้ คือ รอยคมมีด เพราะสมัยก่อนใช้มีดแกะล้วนๆ ส่วนความฉ่ำใส หรือไม่ฉ่ำใสของเนื้อแพะแกะจะขึ้นกับการใช้ และลักษณะของเขาที่จะนำมาแกะ


"แพะเศรษฐีมั่งมีเงินทอง มหาเสน่ห์แก่สตรีทั้งผอง มุ่งหมายปองมาต้องใจ กันฟ้าผ่าเสนียดจัญไร แคล้วคลาดห่างไกล พินาศสูญเอยฯ"


อิทธิคุณทางสุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ เนื่องด้วยโดยปกติแล้วแพะตัวผู้จะมีตัวเมียมารุมล้อมคลอเคลียหลายตัว ยิ่งคนที่เกิดปีแพะและตรงกับวันจันทร์ด้วยแล้วยิ่งเสริมมหาเสน่ห์เป็นทวีคูณครับ และยังแคล้วคลาด คงกระพันครบ

เครื่องรางของขลัง เป็นเครื่องมงคลที่มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด สร้างด้วยพระคณาจารย์ที่มีอาคมเข้มขลัง และได้มีการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เครื่องรางเหล่านั้นสามารถแบ่งได้คือ เกิดขึ้นเองโดยตามธรรมชาติ และที่สร้างขึ้นมาเอง จากนั้นก็ลงคาถาอาคาทับเพื่อให้เกิดความแรงความอาถรรพณ์ต่อเครื่องมงคล ที่ต้องการให้พุทธานุภาพมีความเด่นไปในทางใดตามแต่ต้องการของเกจิท่านนั้นเช่น ให้เด่นในด้านคงกระพันชาตรีแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภ ทั้งหลายเหล่านี้แรงด้วยคาถาและแรงครู แต่ก็ขึ้นกับเราด้วยว่ามีความศรัทธามากน้อยแค่ไหนเพราะเรื่องนี้เป็นศาสตร์ที่เรามองไม่เห็นแต่ก็เชื่อว่าเป็นไปได้จริงหากเรามีศรัทธา คือ พลังอำนาจอันลึกลับ สามารถทำให้บังเกิดปาฏิหารย์ได้จริง
"แพะ" เป็นเครื่องรางของขลัง มีความผูกพันกับคติความเชื่อของสังคมโลก และสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน เรียกว่า เกิดคู่กับมนุษย์เลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยทำให้มีขวัญและกำลังใจ คล้ายกับเป็นเกราะกำบังจิตใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของศัตรู หรือการกระทำทางธรรมชาติ และนอกเหนือจากอำนาจที่ชาวโลกไม่สามารถควบคุมได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หรือป้องกันภัยพิบัติต่างๆ

แพะในทางโหราศาสตร์ เป็นสัญญลักษณ์ของผู้รักสงบ และศิลปะ คณาจารย์ที่สร้างเครื่องรางของขลัง แต่ครั้งโบราณโดยสร้างจากคติความเชื่อโบราณ สำหรับเหตุผลที่ใช้เป็นรูปลักษณ์ของแพะ ถือว่าเป็นเครื่องรางของขลังที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความเชื่อกันว่า ถ้ามีแพะแล้วไม่มีอาคมเวทมนตร์คาถาใดๆ จะมาทำคุณไสยเข้ากับตัวเจ้าของแพะได้ เพราะเข้ามาแล้วแพะจะรับไปเองและจะทำให้เจ้าของปลอดภัย
แพะ (เหยียง หรือ เอี๊ย) จัดอยู่ในชุด สุดยอด 28 สิ่งมงคลในตำนานจีนโบราณ ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณมีเรื่องน่าสนใจ และสามารถบันดาลความสุข ความสมหวังให้จริงหรือ นั่นคือภูมิปัญญาและกุศโลบายของบรรพบุรุษจีนที่ได้คิดขึ้น และสืบทอดใช้เป็นข้อกำหนด เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสังคมชาวจีนมาช้านานในทุกผืนแผ่นดินเกือบค่อนโลก เนื่องจากชาวจีนมุ่งมั่นเดินตามความหมายและคำอวยพรที่เป็นสิริมงคล ของสัญลักษณ์มงคลจีนเหล่านั้น
แพะ (เหยียง หรือ เอี๊ย) แทนสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความรุ่งเรือง และความสำเร็จ คนจีนโบราณยกย่องให้แพะเป็นสัตว์มงคล หมายถึง โชคดี และความรุ่งเรือง มีการวาดหรือปั้นลวดลายแพะสามตัว พ่อแม่ลูกกับดวงอาทิตย์ (ซาเอี๊ยไคไข่) ลายแพะสามตัวเปิดประตู (ซาเอี๊ยคุยมึ้ง) ถือเป็นมงคลและเป็นการอวยพร หมายถึงความรุ่งเรือง ความสำเร็จได้กลับมา อุปมาเหมือนเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ความสดชื่นเขียวชอุ่มสวยงามก็กลับมา

หลวงพ่อลัด วัดหนองกะบอก หรือพระครูวิจิตรธรรมานุวัต (หลวงปู่ลัด)
นอกจากท่านจะเป็นศิษย์เอกหรือศิษย์ทายาทของ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย และ หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า สองพระเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งยงของภาคตะวันออกแล้ว ท่านยังได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวง พ่ออี๋ วัดสัตหีบ
ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งภาคตะวันออกอีกด้วย นับได้ว่า หลวงพ่อลัด ท่านเป็นศิษย์ของ 3 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคสมัยนั้น หาเกจิอาจารย์ได้น้อยรูปนักที่จักได้เป็น แบบท่าน หลวงพ่อลัด ท่านเป็นลูกศิษย์ของ 3 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคตะวันออกคือหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก และ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ( หลวงพ่อลัด ) ผู้เป็นทั้งศิษย์ทายาทธรรม และศิษย์ที่สืบทอดทั้งวิทยาอาคมและสืบสายสมณศักดิ์ที่ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านค่ายของ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จ.ระยอง ได้ยอมเปิดเผยให้เป็นที่รู้จักในบั้นปลายของชีวิตท่านว่า อำเภอบ้านค่ายนั้น ไม่เคยขาดสายพระอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเลย

เมื่อปี พ.ศ. 2481 วัดราชบพิตรฯ ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 150 ปีขึ้น พระคณาจารย์ที่ได้รับนิมนต์มาร่วมนั่งปรกปลุกเสกในพิธีนั้น จะต้องเป็นผู้แก่กล้าวิชาอาคมอย่างแท้จริง อำเภออื่นๆ หรือจังหวัดอื่นๆ จะนิมนต์ไปเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่เฉพาะที่อำเภอบ้านค่ายได้รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีถึง 2 องค์ คือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย กับ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

และทั้ง 2 ท่านนี้คือ พระอาจารย์ของ หลวงพ่อลัด ยิ่งไปกว่านั้น หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ พระอาจารย์ชื่อดังของเมืองชลบุรีและได้รับกิจนิมนต์ไปในพิธีวัดราชบพิตรฯ ด้วยเช่นกัน ก็เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อลัด อีกท่านหนึ่ง ที่ได้ถ่ายทอดวิชา ตะกรุดหนังกลองแตก ให้กับหลวงพ่อลัดด้วย หลวงพ่อลัด จึงเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ชื่อดังระดับประเทศถึง 3 ท่านด้วยกันดังกล่าว ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพระอาจารย์ทั้ง 3 ท่านอย่างมากมาย นับเป็นศิษย์ผู้มีความรู้แตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ อย่างแท้จริง หลวงพ่อลัด มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย และมีวัดที่อยู่ในการปกครองดูแลถึง 40 วัด ท่านจึงมุ่งงานด้านบริหารศาสนกิจเป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเสริมญาติโยมทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานไปด้วย…แต่ในด้านวัตถุมงคล ได้มีผู้ขอร้องให้ท่านสร้างไว้เป็นที่ระลึกบ้าง แต่ท่านก็เฉยเสีย คงสร้าง แพะ ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง อันสำคัญของวัดหนองกระบอก ที่ได้มีการสร้างกันมาตลอดแพะ

โดยสร้างในพรรษา ครั้งละไม่กี่ตัว หลวงพ่อลัด เป็นชาวบ้านค่ายโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันจันทร์ ปีขาล พ.ศ. 2445 เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารแล้ว ก็ได้เข้ารับใช้ชาติ เป็นทหารเรืออยู่ 2 ปี ออกจากราชการทหารแล้วก็ได้อปสมบท เมื่ออายุได้ 23 ปี ณ วัดบ้านค่าย โดยมี หลวงพ่อวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า กิตติสาโร เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษาธรรมมะและวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อวงศ์ และหลวงพ่อวงศ์ก็ได้ให้ พระรัตน์ ไป ฝึกกสิณธาตุกับ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก อันเป็นวัดที่อยู่ใกล้กัน หลวงพ่ออ่ำเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงพ่อวงศ์ หลวงพ่ออ่ำ ได้ให้หลวงพ่อลัด ฝึกเพ่งกสิณ ด้วยอุบายอันแยบยล ทำให้หลวงพ่อลัด ฝึกเพ่งกสิณได้สำเร็จ ด้วยการให้อ่านหนังสือในห้องมืด โดยใช้แสงสว่างจากใจที่เกิดจากดวงกสิณธาตุ เป็นเครื่องส่องนำ นอกจากนี้หลวงพ่ออ่ำ ยังได้ถ่ายทอดวิชาการสร้างและปลุกเสก แพะ อันเป็นเครื่องรางของขลัง อันสำคัญประจำวัดหนองกระบอก ให้หลวงพ่อลัดด้วย ในขณะที่

คาถา แพะ หลวงพ่อลัด นี้ได้มาจาก ลุงเนตร ลูกศิษย์หลวงพ่อลัด ครับ เอามาแบ่งปันให้สมาชิกในกลุ่มลองเอาไปใช้กันครับ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดชุมนุม เทวดา แล้วว่า อัคคี อุมะมิ เนตวา โอโล

เกติ มิมา มะมะมิ อิมามะมะมา

เอหิ อิตถี เอหิ มหาลาภัง

เมตตาจิตตัง อรหัง มะมิ



ปลุกเสกแพะตามกำลังวันครับ ทำประจำๆแพะของท่านจจะเข้มขลังมากครับ
ผู้เข้าชม
855 ครั้ง
ราคา
โทรถาม
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Le29Amuletก้อง วัฒนาสายน้ำอุ่นfuchoo18Bon13ว.ศิลป์สยาม
Beerchang พระเครื่องนนท์ คุณพระtossspoop2015vanglannaภูมิ IR
พีพีพระเครื่องพีพีพระสมเด็จsomemanชา วานิชlordพระเครื่องโคกมน
MuthitanatthanetกรัญระยองเปียโนSpidermanบ้านพระหลักร้อย
บ้านพระสมเด็จnattapong939อภินันต์ พระเครื่องChumpholKshopเจริญสุข

ผู้เข้าชมขณะนี้ 932 คน

เพิ่มข้อมูล

แพะเศรษฐี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ยุคต้น




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
แพะเศรษฐี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ยุคต้น
รายละเอียด
แพะเศรษฐี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ยุคต้น

แกะโดยคุณลุงพลับ ประดิษฐ์ศิริผล การแกะแพะของลุงพลับนั้นเซียนพระเครื่องรุ่นพ่อได้ถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานสู่เซียนพระเครื่องรุ่นหลังไว้ว่า ท่านจะใช้วิธีตัดเขาควาย หรืองาช้าง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อนทุกครั้ง ดังนั้นแพะที่แกะโดยคุณลุงพลับนั้นจะมีความกว้าง ความยาวเท่ากันเสมอ เพราะแกะจากสี่เหลี่ยมจตุรัส และการแกะจะต้องแกะได้สัดส่วนลงตัว ดูสมส่วน สง่างาม เขาและหางชี้ขึ้น ผิวถ้าส่องดู จะแห้งจัด เห็นรอยขรุขะ รอยเสี้ยน และที่ขาดเสียไม่ได้ คือ รอยคมมีด เพราะสมัยก่อนใช้มีดแกะล้วนๆ ส่วนความฉ่ำใส หรือไม่ฉ่ำใสของเนื้อแพะแกะจะขึ้นกับการใช้ และลักษณะของเขาที่จะนำมาแกะ


"แพะเศรษฐีมั่งมีเงินทอง มหาเสน่ห์แก่สตรีทั้งผอง มุ่งหมายปองมาต้องใจ กันฟ้าผ่าเสนียดจัญไร แคล้วคลาดห่างไกล พินาศสูญเอยฯ"


อิทธิคุณทางสุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ เนื่องด้วยโดยปกติแล้วแพะตัวผู้จะมีตัวเมียมารุมล้อมคลอเคลียหลายตัว ยิ่งคนที่เกิดปีแพะและตรงกับวันจันทร์ด้วยแล้วยิ่งเสริมมหาเสน่ห์เป็นทวีคูณครับ และยังแคล้วคลาด คงกระพันครบ

เครื่องรางของขลัง เป็นเครื่องมงคลที่มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด สร้างด้วยพระคณาจารย์ที่มีอาคมเข้มขลัง และได้มีการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เครื่องรางเหล่านั้นสามารถแบ่งได้คือ เกิดขึ้นเองโดยตามธรรมชาติ และที่สร้างขึ้นมาเอง จากนั้นก็ลงคาถาอาคาทับเพื่อให้เกิดความแรงความอาถรรพณ์ต่อเครื่องมงคล ที่ต้องการให้พุทธานุภาพมีความเด่นไปในทางใดตามแต่ต้องการของเกจิท่านนั้นเช่น ให้เด่นในด้านคงกระพันชาตรีแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภ ทั้งหลายเหล่านี้แรงด้วยคาถาและแรงครู แต่ก็ขึ้นกับเราด้วยว่ามีความศรัทธามากน้อยแค่ไหนเพราะเรื่องนี้เป็นศาสตร์ที่เรามองไม่เห็นแต่ก็เชื่อว่าเป็นไปได้จริงหากเรามีศรัทธา คือ พลังอำนาจอันลึกลับ สามารถทำให้บังเกิดปาฏิหารย์ได้จริง
"แพะ" เป็นเครื่องรางของขลัง มีความผูกพันกับคติความเชื่อของสังคมโลก และสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน เรียกว่า เกิดคู่กับมนุษย์เลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยทำให้มีขวัญและกำลังใจ คล้ายกับเป็นเกราะกำบังจิตใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของศัตรู หรือการกระทำทางธรรมชาติ และนอกเหนือจากอำนาจที่ชาวโลกไม่สามารถควบคุมได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หรือป้องกันภัยพิบัติต่างๆ

แพะในทางโหราศาสตร์ เป็นสัญญลักษณ์ของผู้รักสงบ และศิลปะ คณาจารย์ที่สร้างเครื่องรางของขลัง แต่ครั้งโบราณโดยสร้างจากคติความเชื่อโบราณ สำหรับเหตุผลที่ใช้เป็นรูปลักษณ์ของแพะ ถือว่าเป็นเครื่องรางของขลังที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความเชื่อกันว่า ถ้ามีแพะแล้วไม่มีอาคมเวทมนตร์คาถาใดๆ จะมาทำคุณไสยเข้ากับตัวเจ้าของแพะได้ เพราะเข้ามาแล้วแพะจะรับไปเองและจะทำให้เจ้าของปลอดภัย
แพะ (เหยียง หรือ เอี๊ย) จัดอยู่ในชุด สุดยอด 28 สิ่งมงคลในตำนานจีนโบราณ ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณมีเรื่องน่าสนใจ และสามารถบันดาลความสุข ความสมหวังให้จริงหรือ นั่นคือภูมิปัญญาและกุศโลบายของบรรพบุรุษจีนที่ได้คิดขึ้น และสืบทอดใช้เป็นข้อกำหนด เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสังคมชาวจีนมาช้านานในทุกผืนแผ่นดินเกือบค่อนโลก เนื่องจากชาวจีนมุ่งมั่นเดินตามความหมายและคำอวยพรที่เป็นสิริมงคล ของสัญลักษณ์มงคลจีนเหล่านั้น
แพะ (เหยียง หรือ เอี๊ย) แทนสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความรุ่งเรือง และความสำเร็จ คนจีนโบราณยกย่องให้แพะเป็นสัตว์มงคล หมายถึง โชคดี และความรุ่งเรือง มีการวาดหรือปั้นลวดลายแพะสามตัว พ่อแม่ลูกกับดวงอาทิตย์ (ซาเอี๊ยไคไข่) ลายแพะสามตัวเปิดประตู (ซาเอี๊ยคุยมึ้ง) ถือเป็นมงคลและเป็นการอวยพร หมายถึงความรุ่งเรือง ความสำเร็จได้กลับมา อุปมาเหมือนเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ความสดชื่นเขียวชอุ่มสวยงามก็กลับมา

หลวงพ่อลัด วัดหนองกะบอก หรือพระครูวิจิตรธรรมานุวัต (หลวงปู่ลัด)
นอกจากท่านจะเป็นศิษย์เอกหรือศิษย์ทายาทของ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย และ หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า สองพระเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งยงของภาคตะวันออกแล้ว ท่านยังได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวง พ่ออี๋ วัดสัตหีบ
ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งภาคตะวันออกอีกด้วย นับได้ว่า หลวงพ่อลัด ท่านเป็นศิษย์ของ 3 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคสมัยนั้น หาเกจิอาจารย์ได้น้อยรูปนักที่จักได้เป็น แบบท่าน หลวงพ่อลัด ท่านเป็นลูกศิษย์ของ 3 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคตะวันออกคือหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก และ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ( หลวงพ่อลัด ) ผู้เป็นทั้งศิษย์ทายาทธรรม และศิษย์ที่สืบทอดทั้งวิทยาอาคมและสืบสายสมณศักดิ์ที่ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านค่ายของ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จ.ระยอง ได้ยอมเปิดเผยให้เป็นที่รู้จักในบั้นปลายของชีวิตท่านว่า อำเภอบ้านค่ายนั้น ไม่เคยขาดสายพระอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเลย

เมื่อปี พ.ศ. 2481 วัดราชบพิตรฯ ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 150 ปีขึ้น พระคณาจารย์ที่ได้รับนิมนต์มาร่วมนั่งปรกปลุกเสกในพิธีนั้น จะต้องเป็นผู้แก่กล้าวิชาอาคมอย่างแท้จริง อำเภออื่นๆ หรือจังหวัดอื่นๆ จะนิมนต์ไปเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่เฉพาะที่อำเภอบ้านค่ายได้รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีถึง 2 องค์ คือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย กับ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

และทั้ง 2 ท่านนี้คือ พระอาจารย์ของ หลวงพ่อลัด ยิ่งไปกว่านั้น หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ พระอาจารย์ชื่อดังของเมืองชลบุรีและได้รับกิจนิมนต์ไปในพิธีวัดราชบพิตรฯ ด้วยเช่นกัน ก็เป็นพระอาจารย์ของ หลวงพ่อลัด อีกท่านหนึ่ง ที่ได้ถ่ายทอดวิชา ตะกรุดหนังกลองแตก ให้กับหลวงพ่อลัดด้วย หลวงพ่อลัด จึงเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ชื่อดังระดับประเทศถึง 3 ท่านด้วยกันดังกล่าว ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพระอาจารย์ทั้ง 3 ท่านอย่างมากมาย นับเป็นศิษย์ผู้มีความรู้แตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ อย่างแท้จริง หลวงพ่อลัด มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย และมีวัดที่อยู่ในการปกครองดูแลถึง 40 วัด ท่านจึงมุ่งงานด้านบริหารศาสนกิจเป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเสริมญาติโยมทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานไปด้วย…แต่ในด้านวัตถุมงคล ได้มีผู้ขอร้องให้ท่านสร้างไว้เป็นที่ระลึกบ้าง แต่ท่านก็เฉยเสีย คงสร้าง แพะ ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง อันสำคัญของวัดหนองกระบอก ที่ได้มีการสร้างกันมาตลอดแพะ

โดยสร้างในพรรษา ครั้งละไม่กี่ตัว หลวงพ่อลัด เป็นชาวบ้านค่ายโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันจันทร์ ปีขาล พ.ศ. 2445 เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารแล้ว ก็ได้เข้ารับใช้ชาติ เป็นทหารเรืออยู่ 2 ปี ออกจากราชการทหารแล้วก็ได้อปสมบท เมื่ออายุได้ 23 ปี ณ วัดบ้านค่าย โดยมี หลวงพ่อวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า กิตติสาโร เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษาธรรมมะและวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อวงศ์ และหลวงพ่อวงศ์ก็ได้ให้ พระรัตน์ ไป ฝึกกสิณธาตุกับ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก อันเป็นวัดที่อยู่ใกล้กัน หลวงพ่ออ่ำเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงพ่อวงศ์ หลวงพ่ออ่ำ ได้ให้หลวงพ่อลัด ฝึกเพ่งกสิณ ด้วยอุบายอันแยบยล ทำให้หลวงพ่อลัด ฝึกเพ่งกสิณได้สำเร็จ ด้วยการให้อ่านหนังสือในห้องมืด โดยใช้แสงสว่างจากใจที่เกิดจากดวงกสิณธาตุ เป็นเครื่องส่องนำ นอกจากนี้หลวงพ่ออ่ำ ยังได้ถ่ายทอดวิชาการสร้างและปลุกเสก แพะ อันเป็นเครื่องรางของขลัง อันสำคัญประจำวัดหนองกระบอก ให้หลวงพ่อลัดด้วย ในขณะที่

คาถา แพะ หลวงพ่อลัด นี้ได้มาจาก ลุงเนตร ลูกศิษย์หลวงพ่อลัด ครับ เอามาแบ่งปันให้สมาชิกในกลุ่มลองเอาไปใช้กันครับ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดชุมนุม เทวดา แล้วว่า อัคคี อุมะมิ เนตวา โอโล

เกติ มิมา มะมะมิ อิมามะมะมา

เอหิ อิตถี เอหิ มหาลาภัง

เมตตาจิตตัง อรหัง มะมิ



ปลุกเสกแพะตามกำลังวันครับ ทำประจำๆแพะของท่านจจะเข้มขลังมากครับ
ราคาปัจจุบัน
โทรถาม
จำนวนผู้เข้าชม
856 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
URL
เบอร์โทรศัพท์
0639695995
ID LINE
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี